ในเดือนเมษายน 2025 งาน AWS Summit Bangkok 2025 ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แม้ว่าจะผ่านไปแล้วกว่า 1 เดือน แต่บรรยากาศและความรู้ที่ได้รับจากงานนี้ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหารและทีมไอทีทั่วประเทศไทย
งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ เท่านั้น แต่เป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรไทยชั้นนำสามารถใช้ AWS เปลี่ยนแปลงธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม บทความนี้เป็นการเสริมเนื้อหาจากบทความ “รีวิว AWS Summit Bangkok 2025: เหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าคลาวด์ไทย” โดยเจาะลึกไปที่กรณีศึกษาจริงจากเซสชัน “Transforming business operations through data and AI” ที่รวบรวมผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำมาแชร์ประสบการณ์
ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ 4 องค์กรยักษ์ใหญ่ของไทย ได้แก่ SCG บริษัทอายุร้อยปีที่กำลังปฏิวัติตัวเองด้วย AI, B.Grimm Power องค์กรอายุ 144 ปีที่ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล, PTT Global Chemical ที่มีประสบการณ์ใช้ AWS มากกว่า 5 ปี และโรงพยาบาลกรุงเทพที่ใช้ Machine Learning แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
แต่ละองค์กรมีเรื่องราวที่น่าสนใจและแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI เพื่อยกระดับธุรกิจสู่อนาคต
SCG: จากบริษัทอายุร้อยปีสู่องค์กรขับเคลื่อนด้วย AI
คุณ Sariya Chindaprasert Digital Director จาก SCG Chemicals PCL ได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าประทับใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กร SCG ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI
SCG มีนโยบายชัดเจนในการใช้คลาวด์ 100% โดยมีคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือปรัชญาของ SCG ที่เชื่อว่า “ทุกคนในองค์กรสามารถใช้ AI ได้” ไม่ใช่แค่ทีม IT หรือ Data Scientist เท่านั้น
เพื่อให้ปรัชญานี้เป็นจริง SCG ได้จัดแคมเปญขนาดใหญ่ให้พนักงานกว่า 5,000 คนเข้าเรียนและสอบ AI โดยทุกคนต้องลงมือทำด้วยตัวเอง การดำเนินการนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการสร้างวัฒนธรรม AI ทั่วทั้งองค์กร
กลยุทธ์ AI ของ SCG มุ่งสู่การเป็น AI Driven Organization ผ่าน 2 แกนหลัก ได้แก่ การสร้างความรู้ด้าน AI ทั่วทั้งองค์กร (Build AI Literacy Across Organization) และการปฏิวัติกระบวนการทำงานด้วย AI (Transform Process with AI) ทั้งสองแกนนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
SCG ยังมุ่งเน้นการสร้าง Everyday AI ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การทำความสะอาดและแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Cleansing & Digitize data) การอัตโนมัติกระบวนการทำงาน (Process Automation) และการวิเคราะห์และสร้างข้อมูลเชิงลึก (Analysis & Insight) การดำเนินการทั้งสามด้านนี้ช่วยให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำวัน
แนวคิด AI Capability for Everyone ของ SCG แสดงให้เห็นว่าเมื่อนำบริบททางธุรกิจ (Business Context) มาผสานกับความสามารถด้าน AI (AI Capability) จะนำไปสู่ผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมที่ “เร็วขึ้นและดีขึ้น” (Faster & Better) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรในยุคดิจิทัล
B.Grimm Power: การปรับตัวขององค์กรอายุ 144 ปีในยุคดิจิทัล
คุณ Waruth Voraprachaya Head of Digital Operations จาก B.Grimm Power ได้แชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจของบริษัทที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1878 ซึ่งหมายความว่าบริษัทนี้มีอายุถึง 144 ปี และกำลังเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล
B.Grimm มีธุรกิจที่หลากหลายอย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ธุรกิจยา ไปจนถึงร้านอาหาร ความหลากหลายของธุรกิจนี้สร้างความซับซ้อนในการจัดการข้อมูลและระบบไอที แต่ก็เป็นโอกาสในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อเชื่อมโยงทุกส่วนงานเข้าด้วยกัน
ปัจจุบัน B.Grimm กำลังอยู่ในช่วงการย้ายระบบขึ้นคลาวด์ (migration) โดยมีความท้าทายสำคัญคือการบริหารจัดการข้อมูลจากโรงไฟฟ้า 15 แห่งให้พร้อมใช้งาน ข้อมูลจากโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งมีความสำคัญต่อการดำเนินงานและต้องมีความแม่นยำสูง
คุณ Waruth เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมข้อมูลให้พร้อมใช้งาน และการระมัดระวังในการพัฒนา application โดยเฉพาะการออกแบบ middleware ที่เหมาะสม การออกแบบ middleware ที่ดีจะช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างระบบต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ประเด็นที่น่าสนใจคือการแก้ไขความเข้าใจผิดของหลายคนที่กังวลเรื่อง Latency ระหว่างระบบ on-premise กับ AWS คุณ Waruth ได้ชี้แจงว่าในความเป็นจริงแล้ว ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขไปมากแล้ว การใช้ AWS สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีและเชื่อถือได้สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจ
ประสบการณ์ของ B.Grimm แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นองค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 144 ปี ก็สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่นๆ ที่อาจกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลง
PTT Global Chemical: 5+ ปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลกับ AWS
คุณ Nattapol Jongjaroonkiat VP Member, Digital Transformation จาก PTT Global Chemical PCL ได้เล่าถึงประสบการณ์การใช้ AWS มากกว่า 5 ปีในการขับเคลื่อน digital transformation ขององค์กร ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกด้านยกเว้นด้านความปลอดภัยไซเบอร์
PTT Global Chemical เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ AWS อย่างต่อเนื่องและมีประสบการณ์ยาวนาน การที่องค์กรเลือกใช้ AWS ในเกือบทุกด้านของการดำเนินงาน ยกเว้นเฉพาะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความพึงพอใจในบริการของ AWS
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือแนวทางการจัดการเครื่องมือ AI ของ PTT GC ที่แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามระดับความลับของข้อมูล การจัดแบ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบและความเข้าใจในการจัดการข้อมูลที่มีความสำคัญต่างกัน
ประเภทแรกคือ AI tools for Confidential Information ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับ การใช้เครื่องมือเหล่านี้ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงและการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด
ประเภทที่สองคือ AI Builder for Confidential Information ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้าง AI สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับ เครื่องมือประเภทนี้ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาโซลูชัน AI ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับข้อมูลสำคัญได้
ประเภทที่สามคือ AI tools for Public Information ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับข้อมูลสาธารณะ เครื่องมือเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยน้อยกว่า แต่ยังคงต้องมีการจัดการที่เหมาะสม
การแบ่งประเภทเครื่องมือ AI แบบนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ PTT GC ในการใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลและความต้องการทางธุรกิจไปพร้อมกัน ประสบการณ์ 5 ปีของ PTT GC กับ AWS ทำให้องค์กรสามารถพัฒนาแนวทางการใช้ AI ที่สมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย
โรงพยาบาลกรุงเทพ: การใช้ Machine Learning แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
Dr. Marut Siriwatthanadech Strategic Information Management Director จากโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้นำเสนอกรณีศึกษาที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการใช้ Amazon SageMaker Canvas ในการสร้างโมเดล Machine Learning โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งเป็นการปฏิวัติวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลในวงการแพทย์
โรงพยาบาลกรุงเทพหรือ BDMS เป็นเครือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีโรงพยาบาล 58 แห่ง และพนักงาน 40,000 คน สิ่งที่น่าสนใจคือ Dr. Marut เป็นแพทย์และผู้บริหาร ไม่ใช่ Data Scientist หรือโปรแกรมเมอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี Machine Learning สามารถเข้าถึงได้โดยผู้เชี่ยวชาญในสาขาอื่นๆ
หลังยุคโควิด-19 พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน Dr. Marut ได้กล่าวประโยคที่น่าประทับใจว่า “เราเป็นแพทย์ เรารู้จักผู้ป่วย แต่เราไม่รู้จักดีพอกับประชาชนที่ยังไม่ป่วย” ประโยคนี้สะท้อนถึงความต้องการในการขยายความเข้าใจจากการรักษาไปสู่การป้องกัน
ปัญหาที่เจอคือข้อมูลมีขนาดใหญ่มาก มีตัวแปร 40-50 ตัว ซึ่งถ้าใช้เครื่องมือทั่วไปจะไม่สะดวกในการวิเคราะห์ แต่ด้วย Amazon SageMaker Canvas ทำให้ Dr. Marut สามารถสร้างโมเดล Machine Learning ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย
ผลลัพธ์ที่ได้รับนั้นน่าทึ่งมาก โรงพยาบาลกรุงเทพสามารถลดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 2-3 เดือน เหลือเพียง 1 เดือน ซึ่งเป็นการลดเวลาไปถึง 50-66% นอกจากนี้ยังเพิ่มสัดส่วนหน่วยงานที่มีผลงานดีขึ้นจาก 60% เป็น 70% และหน่วยงานที่สมัครใจเข้าร่วมใช้ข้อมูลเพิ่มจาก 20% เป็น 34%
ที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร จากเดิมที่ไม่ค่อยใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ กลายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) อย่างแท้จริง การใช้ Data Visualization เพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพนักงานเริ่มเห็นคุณค่าของข้อมูลและนำมาใช้ในการทำงานมากขึ้น
กรณีศึกษาของโรงพยาบาลกรุงเทพแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี Machine Learning ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสาขาอื่น และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กรได้อย่างมีนัยสำคัญ
สรุป: บทเรียนสำคัญจากยักษ์ใหญ่ไทยในการใช้ AWS
จากการศึกษากรณีศึกษาทั้ง 4 องค์กรในงาน AWS Summit Bangkok 2025 เราสามารถเห็นแนวโน้มและบทเรียนสำคัญที่องค์กรไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
ทั้ง SCG, B.Grimm Power, PTT Global Chemical และโรงพยาบาลกรุงเทพ ต่างแสดงให้เห็นว่าการใช้ AWS ไม่จำกัดอยู่ที่ขนาดขององค์กรหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง แม้แต่องค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ก็สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยความสำเร็จที่เหมือนกันในทุกองค์กรคือ ความมุ่งมั่นจากผู้บริหารระดับสูง การใช้แนวทางการดำเนินงานแบบค่อยเป็นค่อยไป การให้ความสำคัญกับการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทั่วทั้งองค์กร และการให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นอันดับแรก
AI ไม่ใช่เรื่องของแผนก IT อีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือที่ทุกคนในองค์กรต้องมีความรู้และทักษะเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปด้วยกัน ก่อนจะคิดถึง AI ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อน ทั้งการทำความสะอาดข้อมูลและการแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล และคลาวด์คือรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
สำหรับองค์กรที่สนใจเริ่มต้นใช้งาน AWS การเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาร์ทเนอร์ AWS ชั้นนำในประเทศไทยสามารถดูได้จากบทความ “AWS Partner ในไทย: วิเคราะห์เจาะลึก 4 พาร์ทเนอร์ชั้นนำสำหรับธุรกิจของคุณ (ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2025)“
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมงาน AWS Summit Bangkok 2025 หรือต้องการทบทวนเนื้อหาอีกครั้ง สามารถรับชมเซสชันต่างๆ ได้ผ่านทาง AWS Summit Bangkok On-demand ที่ https://aws.amazon.com/events/summits/bangkok ซึ่งมีให้บริการจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2025
การเรียนรู้จากประสบการณ์ขององค์กรชั้นนำเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรอื่นๆ สามารถวางแผนและดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยในระยะยาว