ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเทคโนโลยี AI สร้างข้อความ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัวและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง บริการ AI สร้างข้อความได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีตัวเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ Microsoft Copilot ที่เชื่อมต่อกับ Office, Google Gemini ที่ใช้ข้อมูลล่าสุดจาก Google, ไปจนถึง DeepSeek R1 ที่เป็น Open Source
สำหรับองค์กรในประเทศไทย การเลือกใช้บริการ AI ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ต้องการ UI ภาษาไทยเพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่รวมบริการที่ไม่มี UI ภาษาไทย เช่น Claude, Perplexity AI, Grok, DeepSeek และ ChatSonic ในการเปรียบเทียบครั้งนี้
ปัจจุบันองค์กรมีทางเลือกระหว่างบริการแบบเสียค่าใช้จ่ายและ Open Source แต่ละตัวเลือกมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในด้านต้นทุน ความปลอดภัย และฟังก์ชันสำหรับองค์กร
บทความนี้จะเปรียบเทียบบริการ AI สร้างข้อความชั้นนำอย่างยุติธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยให้ผู้บริหารไทยสามารถเปรียบเทียบและเลือกโซลูชันที่เหมาะสมกับองค์กรได้
การเปรียบเทียบบริการ AI Chat ชั้นนำสำหรับองค์กร
ปัจจุบันมีบริการ AI สร้างข้อความหลายตัวเลือกที่เหมาะสำหรับองค์กร แต่ละบริการมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ChatGPT เป็นบริการที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีความสามารถรอบด้าน มีแผนการใช้งานตั้งแต่ฟรีจนถึง ChatGPT Enterprise ที่ราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือน แผน Plus ราคา 20 ดอลลาร์ต่อเดือนเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ส่วนแผน Enterprise มีฟังก์ชันความปลอดภัยและการจัดการที่เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากองค์กรมีพนักงานจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก
Microsoft Copilot มีจุดเด่นในการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ Office อย่างราบรื่น ราคาเริ่มต้นที่ 3,200 บาทต่อเดือนสำหรับ Copilot Pro และ 4,497 บาทต่อเดือนสำหรับ Copilot for Microsoft 365 บริการนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้ Office เป็นหลัก เนื่องจากสามารถช่วยในการสร้างเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูลใน Excel และการจัดการงานใน Teams ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Google Gemini มีความโดดเด่นในการเข้าถึงข้อมูลล่าสุดจาก Google และการค้นหาแบบเรียลไทม์ มีแผนฟรีและแผน Advanced ราคา 2,900 บาทต่อเดือน บริการนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการข้อมูลปัจจุบันและการค้นคว้า รวมถึงสามารถทำงานกับไฟล์หลายรูปแบบได้
เมื่อเปรียบเทียบด้านต้นทุน องค์กรขนาดกลางที่มีพนักงาน 50-100 คน อาจต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายแสนบาทต่อเดือนหากเลือกใช้บริการเหล่านี้ นอกจากนี้ บริการเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดในด้านการควบคุมข้อมูลและการปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะขององค์กร
GenU: Open Source AI Assistant ที่ตอบโจทย์องค์กร
GenU เป็น Open Source AI Assistant ที่พัฒนาโดย Amazon Web Services (AWS) Japan โดยมี UI ที่คล้ายกับ ChatGPT และทำงานบนแพลตฟอร์ม AWS ซึ่งทำให้องค์กรสามารถใช้งานได้อย่างคุ้นเคยและมีประสิทธิภาพ (รายละเอียดเพิ่มเติม: https://aws-samples.github.io/generative-ai-use-cases/en/)
คุณสมบัติหลักของ GenU ที่โดดเด่นคือระบบ Pay-as-you-go ซึ่งหมายความว่าองค์กรจ่ายเฉพาะสิ่งที่ใช้จริงเท่านั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายคงที่รายเดือนเหมือนบริการอื่น ทำให้เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมต้นทุนอย่างแม่นยำ
ด้านความปลอดภัย GenU ได้รับการออกแบบมาให้เป็น Non-retraining ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่องค์กรป้อนเข้าไปจะไม่ถูกนำไปใช้ในการเรียนรู้หรือฝึกฝนโมเดล AI นอกจากนี้ ข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ภายในบัญชี AWS ของบริษัทเท่านั้น ทำให้องค์กรสามารถควบคุมและจัดการข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์
GenU รองรับโมเดล AI ขั้นสูงหลายตัว รวมถึง Claude Sonet 4 ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า GPT-4.0 รวมถึงโมเดลอื่นๆ เช่น Amazon Nova, Llama, DeepSeek, Stable Diffusion และ Luma Ray ทำให้องค์กรสามารถเลือกใช้โมเดลที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท
ในฐานะที่เป็น Open Source ภายใต้ MIT-0 License GenU ให้อิสระในการปรับแต่งและนำไปรวมเข้ากับบริการของบริษัทได้อย่างเสรี องค์กรสามารถดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดตามความต้องการเฉพาะได้โดยไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้ GenU ยังมีความเป็นเลิศในด้านการขยายความสามารถ เช่น RAG (Retrieval-Augmented Generation) ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลและเอกสารขององค์กรได้
นอกจากการสร้างข้อความแล้ว GenU ยังมีฟังก์ชัน Image Generating ที่ช่วยในการสร้างภาพและกราฟิกต่างๆ ทำให้เป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับความต้องการด้านเนื้อหาขององค์กร
เมื่อเปรียบเทียบกับบริการอื่น GenU มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนในด้านต้นทุน เนื่องจากองค์กรไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนสำหรับพนักงานแต่ละคน แต่จ่ายตามการใช้งานจริงเท่านั้น สำหรับองค์กรขนาดกลางที่มีพนักงาน 50-100 คน อาจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับ ChatGPT Enterprise หรือบริการอื่นๆ
กลยุทธ์การนำ AI มาใช้ในองค์กรและแนวทางการติดตั้ง
การเลือกใช้บริการ AI สร้างข้อความสำหรับองค์กรต้องพิจารณาหลายปัจจัยสำคัญ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก
ด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรไทย โดยเฉพาะการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สำหรับการใช้งานในองค์กร การใช้บริการรุ่นฟรีหรือบริการสำหรับบุคคลทั่วไป เช่น ChatGPT รุ่นฟรี หรือ Google Gemini รุ่นฟรี มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอาจมีการนำข้อมูลไปใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญขององค์กร
ดังนั้น องค์กรจำเป็นต้องใช้บริการระดับ Enterprise เช่น ChatGPT Enterprise, Microsoft Copilot for Enterprise, หรือ Google Gemini for Enterprise ที่มีมาตรการความปลอดภัยและการควบคุมข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับองค์กร GenU แม้จะเป็น Open Source แต่ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานระดับ Enterprise โดยข้อมูลทั้งหมดอยู่ในบัญชี AWS ขององค์กรเอง และไม่มีการนำข้อมูลไปใช้ในการเรียนรู้ ทำให้องค์กรสามารถควบคุมข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ Generative AI แนะนำให้อ่านบทความที่ ความเสี่ยงที่มองไม่เห็นของ Generative AI – มาตรการความปลอดภัยที่องค์กรไทยต้องรู้ด่วน เพื่อทำความเข้าใจอย่างครบถ้วน
ด้านต้นทุนและงบประมาณ
การพิจารณาสมดุลระหว่างต้นทุนและฟังก์ชันการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณเพียงพอ ChatGPT Enterprise เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมีฟังก์ชันครบครันและการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม หากองค์กรมีพนักงานจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก เนื่องจากต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนสำหรับพนักงานแต่ละคน
สำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง GenU อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยระบบ Pay-as-you-go แต่ยังคงมีฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน องค์กรที่มีพนักงาน 50-100 คน อาจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับ ChatGPT Enterprise
ด้านการดำเนินงานและการติดตั้ง
บริการ AI แบบคลาวด์ เช่น ChatGPT, Microsoft Copilot และ Google Gemini สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งหรือจัดการระบบเพิ่มเติม องค์กรเพียงสมัครสมาชิกและเริ่มใช้งานได้เลย
อย่างไรก็ตาม GenU ในฐานะ Open Source มีความท้าทายในการติดตั้ง เนื่องจากต้องการความรู้ทางเทคนิคในการติดตั้งและกำหนดค่าบน AWS องค์กรต้องมีทีมงานที่เข้าใจ AWS และการจัดการระบบคลาวด์ รวมถึงการวางแผนการสำรองข้อมูล การจัดการการเข้าถึง และการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ หรือต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วย
การใช้บริการสนับสนุนการติดตั้ง เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ไม่มีทีมงานเทคนิคเพียงพอ บริษัท Classmethod มีบริการติดตั้งและสนับสนุน GenU (https://www.classmethod.co.th/th/services-genu) ซึ่งรวมถึงการติดตั้ง การกำหนดค่า การฝึกอบรมทีมงาน และการสนับสนุนหลังการขาย นอกจากนี้ยังมีบริการทดลองใช้ฟรี 7 วัน ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความเหมาะสมก่อนตัดสินใจลงทุน
แนวทางการติดตั้งแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นวิธีที่แนะนำ เริ่มจากการทดลองใช้ในแผนกไอทีก่อน จากนั้นขยายไปยังแผนกที่มีความต้องการสูง และสุดท้ายขยายไปทั่วทั้งองค์กร การวางแผนการเปลี่ยนแปลงและการสื่อสารกับพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ
สรุป
ที่ผ่านมา เราได้นำเสนอการเปรียบเทียบบริการ AI สร้างข้อความสำหรับองค์กร และคุณสมบัติของ GenU ที่เป็น Open Source อย่างละเอียด
การนำ AI สร้างข้อความมาใช้ในปี 2025 นั้น ความคุ้มค่าด้านต้นทุน ความปลอดภัย และการเลือกบริการที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ
บริการหลักอย่าง ChatGPT, Microsoft Copilot และ Google Gemini ต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน แต่สำหรับองค์กรที่มีพนักงานจำนวนมาก ต้นทุนที่สูงจะเป็นปัญหาสำคัญ ในขณะที่ GenU แม้จะเป็น Open Source แต่มีฟังก์ชันระดับ Enterprise และระบบ Pay-as-you-go ที่สามารถลดต้นทุนได้อย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สำหรับการใช้งานในองค์กร ไม่ควรใช้บริการรุ่นฟรีหรือบริการสำหรับบุคคลทั่วไป แต่ต้องเลือกใช้บริการระดับ Enterprise ที่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม GenU แม้จะต้องการการสนับสนุนด้านเทคนิคในการติดตั้ง แต่การใช้พาร์ทเนอร์ผู้เชี่ยวชาญอย่างบริษัท Classmethod จะช่วยให้การติดตั้งเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
แนะนำให้พิจารณาขนาดองค์กร งบประมาณ และความต้องการทางเทคนิคอย่างครอบคลุม และเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละบริการ เพื่อเลือกโซลูชัน AI ที่เหมาะสมที่สุด
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้ AI สร้างข้อความที่เหมาะสมสำหรับองค์กรไทย